วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2552

นิยามของการสืบค้นข้อมูลสารสนเทศ

นิยามของการสืบค้น ข้อมูลสารสนเทศ
หมายถึง การใช้ระบบสารสนเทศเพื่อการค้นคืน ค้นหา หรือดึงข้อมูลและสารสนเทศเฉพาะเรื่องที่ผู้ใช้ระบุ แหล่งรวบรวมสารสนเทศไว้เป็นจำนวนมาก เพื่อประโยชน์ด้านต่างๆเช่น การศึกษา สุขภาพ การประกอบอาชีพ


เขียนโดย เกียรติศักดิ์คับ *-* ที่ 11:55 หลังเที่ยง 0 ความคิดเห็น
วัตถุประสงค์ในการสืบค้นข้อมูลสารสนเทศ

วัตถุประสงค์ในการสืบค้นข้อมูลสารสนเทศ


1.เพื่อทราบถึงรายละเอียดของข้อมูล2.เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการศึกษาหรือการทำงาน3.เพื่อสร้างการเรียนรู้ให้กับตนเองและผู้อื่น4.เพื่อตรวจสอบข้อมูล5.เพื่อการนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน
เขียนโดย เกียรติศักดิ์คับ *-* ที่ 11:52 หลังเที่ยง 0 ความคิดเห็น
ความหมายของ search engine
ความหมายของ search engine
Search Engine เป็นเครื่องมือหรือโปรแกรมในการค้นหาเว็บต่างๆ โดยมีการเก็บ รายชื่อเว็บไซต์ และข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่างๆ ของเว็บไซต์และนำมาจัดเก็บไว้ใน server เพื่อให้สามารถค้นหาและแสดงผลได้สะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ บาง search engine อาจไม่ได้มีการเก็บข้อมูลใน server ของตัวเอง แต่อาจอาศัยข้อมูลจากเจ้าของ server นั้นๆประโยชน์ที่ได้รับจาก Search Engine
ค้นหาเว็บที่ต้องการได้สะดวก รวดเร็ว
สามารถค้นหาแบบเจาะลึกได้ ไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ, ข่าว, MP3 และอื่นๆ อีกมากมาย
สามารถค้นหาจากเว็บไซต์เฉพาะทาง ที่มีการจัดทำไว้ เช่น download.com เว็บไซต์เกี่ยวกับข้อมูลและซอร์ฟแวร์ เป็นต้น
มีความหลากหลายในการค้นหาข้อมูล รองรับการค้นหา ภาษาไทย
เขียนโดย เกียรติศักดิ์คับ *-* ที่ 11:47 หลังเที่ยง 0 ความคิดเห็น
ประเภทของ search engine


ประเภทของ search engine
Search engine สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือชนิดของการ Search engine 1.อินเด็กเซอร์ (Indexers)การทำงานของ Search Engines แบบ อินเด็กเซอร์ จะเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่อยู่กระจัดกระจายบนอินเทอร์เน็ต ไม่มีการแสดงข้อมูลออกมาเป็นลำดับชั้นของความสำคัญ การใช้งานจะเหมือนกับการสืบค้นข้อมูลจากฐานข้อมูลอื่น ๆ คือ เราจะต้องพิมพ์คำสำคัญ (Keyword) ซึ่งเป็นการอธิบายถึงข้อมูลที่เราต้องการค้นหาจากนั้น Search Engines ก็จะแสดงข้อมูลและเว็บไซต์ต่าง ๆที่เกี่ยวข้องออกมา2.ไดเรกทอรี่ (Directories)การค้นหาข้อมูลจะมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยมากกว่าการค้นหาข้อมูลโดยใช้อินเด็นเซอร์ (Indexers) โดย ข้อมูลต่าง ๆ จะถูกคัดแยกออกมาเป็นหมวดหมู่และจัดแบ่งแยกเว็บไซต์ต่าง ๆ ออกเป็นประเภท ๆ เช่น หมวดของเรื่องราวเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์บันเทิง ข่าว กีฬา และศิลปะ เป็นต้น โดยเราสามารถที่จะคลิกเมาส์เลือกประเภทของข้อมูลที่ต้องการที่จะดูได้ทันที จากนั้นบนหน้าจอจะแสดงรายละเอียดของหัวข้อปลีกย่อยลึกลงมาอีกระดับหนึ่ง ปรากฎขึ้นมาให้เราคลิกเมาส์เลือกอีก จากนั้นเว็บเพจจะแสดงรายชื่อของเอกสารที่เกี่ยวข้องกับประเภทของข้อมูลนั้น ออกมาหากเราสนใจจะดูเอกสารใดก็สามารถคลิกเมาส์ไปยังลิงก์ (Links) เพื่อขอเชื่อมต่อทางเว็บไซต์ที่มีความเกี่ยวข้องกันมากที่สุดมาไว้ในตอนบนสุดของรายชื่อที่แสดง3.เมตะเสิรช์ (Metasearch) Search Engines แบบเมตะเสิร์ชจะใช้หลาย ๆ วิธีการมาช่วยในการค้นหาข้อมูล โดยจะรับคำสั่งค้นหาจากเรา แล้วส่งต่อไปยังเว็บไซต์ที่เป็น Search Engines หลาย ๆ แห่งพร้อม ๆ กัน ทำให้เราสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ Search Engines ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็จะสามารถแสดงผลลัพธ์ออกมาเมตะเสิร์ชจะเหมาะกับการค้นหาข้อมูลแบบ ธรรมดาที่ไม่ได้เน้นความสำคัญของตัวอักษร เช่น ตัวใหญ่ ตัวเล็กเท่าใดนัก ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้จากการค้นหามีจำนวนมากจนเกินความต้องการก็ได้ตัวอย่าง Search Engineตัวอย่าง Search Engine ที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เช่น sanook.com, siamguru.com, google.com, yahoo.com, msn.com, altavista.com, search.com เป็นต้น



เขียนโดย เกียรติศักดิ์คับ *-* ที่ 11:25 หลังเที่ยง 0 ความคิดเห็น







เทคนิคการสืบค้นข้อมูลเทคนิคในการสืบค้นข้อมูล
ก่อนจะเริ่มต้นการค้นหา ต้องเตรียมตัวอย่างไร1. ผู้ค้น จะต้องทราบว่าตนเอง ต้องการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องใด นอกจากนี้จะต้องมีข้อมูลส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ต้องการจะค้นหา (ลองสำรวจตัวเองก่อนสิคะว่า มีข้อมูลอะไรบ้างตอนนี้) ถ้ายังไม่มี คิดค่ะคิด...ใช้หมองหน่อย...ได้หรือยังคะ ได้แล้วจดไว้ค่ะ .... หรือหากคิดไม่ออกจะช่วยคิดค่ะ ง่ายๆ เช่น รู้จักชื่อผู้แต่งมั๊ย รู้จักชื่อเรื่องที่เราต้องการค้นหาหรือไม่ ถ้าไม่รู้ให้กำหนดหัวเรื่องหรือคำสำคัญแทนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวจะพูดต่อไป....
2. รู้จักแหล่งสารสนเทศหรือเครื่องมือที่จะใช้ค้นหาหรือยังคะ เช่น ถ้าคุณต้องการค้นหารายการบรรณานุกรมงานวิจัยของห้องสมุดมหาวิทยาลัยขอนแก่น ควรจะใช้ฐานข้อมูลใดค้นหา จึงจะได้ข้อมูลตามที่ต้องการ เป็นต้น ดังนั้น สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่ง ผู้ค้นจะต้องรู้จักแหล่งสารสนเทศและฐานข้อมูลหรือเครื่องมือค้นหาที่เกี่ยวข้องกับสาขาวิชาที่ต้องการ ซึ่งปัจจุบันนี้มีมากมายทั้งฟรีและบริการเชิงพาณิชย์ (มารู้จักฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์และวิธีการค้นหาแบบง่ายๆ ได้ที่นี่)
3. ต้องรู้จักวิธีการใช้แหล่งสารสนเทศ ฐานข้อมูลหรือเครื่องมือที่ใช้ค้นหา เช่น รู้จักวิธีค้นหาแบบพื้นฐาน หรือหากจะให้ดีก็ควรรู้จักการค้นหาแบบขั้นสูงด้วย นอกจากนี้ยังต้องรู้จักวิธีการจัดการผลลัพธ์ ได้แก่ การบันทึก การสั่งพิมพ์ การส่งข้อมูลทาง E-mail การจัดการรายการบรรณานุกรม เป็นต้น
4. รู้จักกฏ กติกา มารยาทในการใช้แหล่งสารสนเทศ ฐานข้อมูลหรือเครื่องมือค้นหา เนื่องจากปัจจุบันได้มีการละเลิดลิขสิทธิ์กันมากขึ้น
เทคนิคการสืบค้นข้อมูล
1. การค้นหาแบบพื้นฐาน (Basic Search) เป็นการค้นหาสารสนเทศอย่างง่ายๆ ไม่ซับซ้อน โดยใช้คำโดดๆ หรือผสมเพียง 1 คำ ในการสืบค้นข้อมูล โดยส่วนใหญ่การค้นหาแบบง่ายจะมีทางเลือกในการค้นหา ได้แก่
1.1 ชื่อผู้แต่ง (Author) เป็นการค้นหาโดยใช้ชื่อของบุคคล กลุ่มบุคคล นามปากกา หรือชื่อหน่วยงาน/องค์กร ที่เป็นผู้แต่งหรือเขียนหนังสือ บทความ งานวิจัย วิทยานิพนธ์ หรือทรัพยากรสารสนเทศนั้นๆ ซึ่งมีหลักการค้นหาง่ายๆ ดังนี้
1.1.1 ผู้แต่งคนไทย เป็นการค้นหาชื่อบุคคล ตัวอย่างเช่น กุลธิดา ท้วมสุข ให้ตัดคำนำหน้าชื่อออก เช่น นาย นาง นางสาว หรือหากเป็นบุคคลที่มีบรรดาศักดิ์หรือฐานันดรศักดิ์ ให้ค้นด้วยชื่อ และต่อท้ายด้วยบรรดาศักดิ์หรือฐานันดรศักดิ์ หากเป็นการค้นหาชื่อที่เป็น นามปากกา ฉายาหรือสมณศักดิ์ ให้ค้นหาตามนามปากกา ฉายา หรือสมณศักดิ์1.1.2 ผู้แต่งที่เป็นชาวต่างประเทศ ให้ค้นหาโดยใช้ ชื่อสกุล ตามด้วยชื่อกลางและชื่อต้น ยกตัวอย่างเช่น "Judith G. Voet" ชื่อที่ใช้ค้น คือ Voet, Judith G. หรือ Voet, Judith หรือ Voet
1.1.3 ผู้แต่งที่เป็นหน่วยงาน/องค์กร ให้ค้นหาตามชื่อหน่วยงานหรือชื่อองค์กรนั้น เช่น การค้นหาชื่อหน่วยงานที่มีทั้งหน่วยงานใหญ่และหน่วยงานย่อย ให้ค้นหาโดยใช้ชื่อหน่วยงานใหญ่ก่อน แล้วตามด้วยชื่อหน่วยงานย่อย หากเป็นชื่อย่อ เมื่อค้นหาให้ใช้ชื่อเต็ม ยกตัวอย่างเช่น -สำนักวิทยบริการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ชื่อที่ใช้ค้น คือ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. สำนักวิทยบริการ - ททท. ชื่อที่ใช้ค้น คือ การท่องเที่ยวแห่ประเทศไทย
1.2 ชื่อเรื่อง (Title) เป็นการค้นหาข้อมูล ด้วยชื่อเรื่อง เช่น ชื่อหนังสือ ชื่อบทความ ชื่อเรื่องสั้น นวนิยาย ชื่องานวิจัย หรือวิทยานิพนธ์ การค้นโดยใช้ชื่อเรื่องนี้ เป็นการค้นหาแบบเจาะจง ดังนั้นผู้ค้น ต้องรู้จักชื่อเรื่อง หลักการค้นหาด้วยชื่อเรื่องทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ ใช้หลักการเดียวกัน คือ ค้นหาตามชื่อนั้นๆ ได้เลย โดยระบบจะทำการค้นหาจากชื่อเรื่อง เริ่มจากอักษรตัวแรกและตัวถัดไปตามลำดับ ยกตัวอย่างเช่น - เพลงรักในสายลมหนาว (ชอบดูมาก..ชึ้ง..แถมพระเอกหล๊อ..หล่อ) - อินเทอร์เน็ตสำหรับผู้เริ่มต้น (เรื่องนี้ก็ชื่นชอบผู้แต่ง อ. ยืน ภู่วรวรรณ) - Engineering Analysis (เรื่องนี้ไม่อ่าน เพราะเดี๋ยวเจ็บหัว)
1.3 หัวเรื่อง (Subject Heading) คือ คำหรือวลีที่กำหนดขึ้นมา เพื่อใช้แทนเนื้อหาของหนังสือ บทความ งานวิจัย วิทยานิพนธ์หรือทรัพยากรสารสนเทศนั้นๆ หัวเรื่องที่ใช้ในการค้นหานั้น มาจากที่ไหนใครเป็นผู้กำหนดขึ้น? โดยปกติแล้วคำหรือวลีที่กำหนดให้เป็นหัวเรื่อง จะนำมาจากคู่มือหัวเรื่องที่ใช้กันเป็นมาตรฐานในห้องสมุดหรือหน่วยงานที่ให้บริการสารสนเทศ ทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ (โอย...เรื่องมันย๊าววว...ยาว...) ว่างๆ จะเล่าให้ฟังเกี่ยวกับหลักการให้หัวเรื่องต่อไป...เพื่อจะได้ค้นเก่งๆ แต่ตอนนี้..เอาเป็นว่า ง่ายๆ สั้นๆ ให้นึกถึง หัวเรื่องใหญ่และเรื่องย่อยเอาไว้ เช่น หัวเรื่องที่ต้องการค้นหา คือ คณิตศาสตร์ นี่คือหัวเรื่องใหญ่ ภายใต้หัวเรื่องใหญ่เกี่ยวกับคณิตศาสตร์ จะมีเรื่องย่อยๆ ซ่อนอยู่เช่น การบวก การลบ การคูณ การหาร เป็นต้น
1.4 คำสำคัญ (Keywords) คือ การค้นหาด้วยคำหรือวลีที่กำหนดขึ้นมา เพื่อใช้แทนเรื่องที่ต้องการค้นหา โดยทั่วไปคำสำคัญจะมีลักษณะที่สั้น กระทัดรัด ได้ใจความ มีความหมาย เป็นคำนามหรือเป็นศัพท์เฉพาะในแต่ละสาขาวิชา จะกำหนดคำสำคัญอย่างไร? ง่ายๆ คือ กำหนดมาจากคำที่อยู่ในชื่อเรื่องและหัวเรื่องที่เราต้องการค้นหานั่นเอง การค้นหาด้วยคำสำคัญนั้น ระบบจะทำการค้นหาคำที่ปรากฏอยู่ในชื่อเรื่อง ไม่ว่าจะอยู่ต้นเรื่อง กลางเรื่องหรือท้ายเรื่อง ยกตัวอย่าง การกำหนดคำสำคัญเพื่อใช้ค้นหา เช่น รายงานการวิจัย เรื่อง การปรับปรุงคุณภาพและการเพิ่มผลผลิตข้าวหอมมะลิที่มีความสามารถในการทนแล้งโดยการใช้เทคโนโลยีชีวภาพและพันธุวิศวกรรม ผู้ค้น จะต้องดึงคำสำคัญที่อยู่ในชื่อเรื่องออกมา เพื่อใช้ค้นหา ซึ่งก็ไม่ยากหากดูข้อ 1.4 ประกอบ จากชื่อเรื่องดังกล่าว พบว่า มี Keyword หลักๆ อยู่ 3 คำ ด้วยกัน คือ ข้าวหอมมะลิ, เทคโนโลยีชีวภาพและพันธุวิศวกรรม นี่คือตัวอย่างง่ายๆ ของการกำหนดคำสำหรับใช้ค้นหา รู้จักการค้นหาแบบง่ายๆ กันแล้ว ลองมาดูการค้นหาแบบขั้นสูงกันบ้างนะคะ...2. การค้นหาแบบขั้นสูง (Advanced Search) เป็นการค้นหาที่ซับซ้อนมากกว่าแบบพื้นฐาน ซึ่งมีเทคนิคหรือรูปแบบการค้นที่จะช่วยให้ผู้ค้นสามารถจำกัดขอบเขตการค้นหาหรือค้นแบบเจาะจงได้มากขึ้น เพื่อให้สามารถค้นหาข้อมูลได้ที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด
2.1 การสืบค้นข้อมูล โดยใช้ตรรกบูลีน (Boolean Logic) หรือการค้นหาโดยใช้ Operator เป็นการค้นหา โดยใช้คำเชื่อม 3 ตัว คือ AND, OR, NOT ดังนี้
- AND ใช้เชื่อมคำค้น เพื่อจำกัดขอบเขตการค้นหาให้แคบลง เช่นต้องการค้นหาคำว่าสัมตำที่เป็นอาหาร มีรูปแบบการค้นดังนี้ คือ ส้มตำ AND อาหาร หมายถึง ต้องการค้นหาคำว่า ส้มตำ และคำว่า อาหาร
- OR ใช้เชื่อมคำค้น เพื่อขยายขอบเขตให้กว้างขึ้น เช่น สัมตำไทย OR ส้มตำปูปลาร้า (โอย..น้ำยาย..ไหยยยย..แซ๊บ..แซบ..เด้อ) หมายถึง ต้องการค้นหาคำว่า สัมตำไทย และ ส้มตำปูปลาร้า หรือค้นหาคำใดคำหนึ่งก็ได้
- NOT ใช้เชื่อมคำค้น เพื่อจำกัดขอบเขตให้แคบลง เช่น ต้องการค้นหาคำว่า ส้มตำ AND อาหาร NOT เพลง หมายถึง ต้องการค้นหา คำว่า ส้มตำ ที่เป็นอาหาร ไม่เอาส้มตำที่เป็นเพลง เป็นต้น
2.2 เทคนิคการตัดคำ (Truncation)
2.3 เทคนิคการจำกัดคำค้น (Limit Search) หรือการใช้
เขียนโดย เกียรติศักดิ์คับ *-* ที่ 11:19 หลังเที่ยง 0 ความคิดเห็น
การใช้งาน google

การใช้งาน google

ปัจจุบันการใช้งาน Internet จะปรากฏ Web Site ให้เราสามารถเยี่ยมชมได้มากมายหลายประเภท และได้มีการบรรจุข้อมูลข่าวสารอยู่ใน Web Site ต่าง ๆ ซึ่งถ้าเราต้องการค้นหาข้อมูลที่อยู่ในระบบ Internet1 เราอาจใช้อุปกรณ์ Tools ที่เรียกว่า ตัวค้นหา (Search Engire) โดยตัวค้นหา (Search Engire) นี้จะถูกบรรจุอยู่ใน Web Site ต่าง ๆ เช่น www.google.com ,www.yahoo.com, www.lycos.com ในเอกสารนี้จะแนะนำถึงการใช้งานค้นหา (Search Engire) ของ www.google.com ซึ่งจำเป็นตัวค้นหา (Search Engire) ที่นิยมใช้มากสุดและมีฐานข้อมูล (data base) ของ Web Site ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะมีรูปแบบที่มีคำอธิบายการใช้งานเป็นภาษาไทยที่ Web Site www.google.co.thเมื่อเราพิมพ์ที่อยู่ www.google.co.th ลงในช่อง Addres แล้วกด Enter จะปรากฏหน้าแรกของ Web Site ซึ่งจะมีส่วนประกอบต่าง ๆ ดังรูปโดยที่มีส่วนประกอบต่างๆ คือ1) เป็น Logo ของ www.google.co.th2) เป็นประเภทของการค้นหาว่าให้ค้นหาข้อมูลที่อยู่ในเว็บ(Web Site)3) เป็นประเภทของการค้นหาว่าให้ค้นหา ข้อมูลที่เป็นรูปภาพ4) เป็นประเภทของการค้นหาที่แยกตามกลุ่มข่าวเรียงตาม Usenet5) เป็นประเภทของการค้นหาโดยจะแยกเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ เช่น Arts, Home, Business, Gomes เป็นต้นซึ่งตัวเลือกในข้อ 2-5 เมื่อเรากดคลิกที่แถบใดแถบหนึ่งก็จะปรากฏเป็นแถบเข้มที่เราเลือกไว้ โดยปกติแล้วเมื่อเราเปิดหน้าแรกขึ้นมา Web Site google จะกำหนดการค้นหาให้ไว้ที่เว็บ6) เป็นช่องสำหรับใส่ค่า (keyward) ที่เราต้องการค้นหา7) เป็นปุ่มกดสำหรับเริ่มการค้นหา8) เป็นปุ่มสำหรับค้นหาเว็บอย่างด่วน โดยการค้นหาจะนำเว็บที่อยู่อยู่ในลำดับแรกที่อยู่ในลำดับแรกที่ค้นหาพบ มาเปิดให้ในหน้าถัดไปเลย9) เป็นตัวเลือกสำหรับการค้นหาแบบละเอียดโดยในตัวเลือกนี้จะมีการกำหนดเงื่อนไขในการค้นหาเพื่อให้ได้ผลการค้นหาที่ละเอียดยิ่งขึ้น เช่น ภาษา, ชนิดไฟล์, วันที่ เป็นต้น10) เป็นตัวเลือกสำหรับการปรับแต่งตัวเลือกใช้สำหรับการปรับแต่งรูปแบบเครื่องมือในการค้นหา เช่น จำนวน เว็ปที่แสดงในการค้นหาต่อหน้า11) เป็นตัวเลือกสำหรับเครื่องมือเกี่ยวกับภาษาเพื่อใช้ในการค้นหา

การค้นหาของ www.goole.co.th จะมีคำสั่งในการค้นหาโดย

1) Google จะใช้เงื่อนไข “และ” (and) ในการค้นหาในรูปแบบของประโยคอยุ่เสมอ2)การค้นหาของ google สามารถค้นหาแบบเป็นกลุ่มคำหรือเป็นวลีเราสามารถใช้เครื่องหมาย “ ” เช่น “physics momentum” เป็นการระบุโดยตรง จะสามารถทำให้เราได้ข้อมูลที่ตรงมากขึ้น3) Google จะสามารถค้นหาไฟล์ในรูปแบบอื่น ๆ โดยประเภทไฟล์ที่รองรับคือ- Adobe Portable Document Format (มีนามสกุล เป็น pdf)- Adobe Post Script (มีนามสกุลเป็น ps)- Lotus 1-2-3 (มีนามสกุลเป็น wk 1, wk2, wk3, wk4, wk5, wki, wks, wku)- Lotus Wordpro (มีนามสกุลเป็น lwp)- MacWrite (มีนามสกุลเป็น mw)- Microsoft Word (มีนามสกุลเป็น doc)- Microsoft Excel (มีนามสกุลเป็น xls)- Microsoft Power Point (มีนามสกุลเป็น ppt )- Text File (มีนามสกุลเป็น txt )เราสามารถค้นหาโดยระบุชนิดของไฟล์ที่เราต้องการค้นหาได้โดยใช้ค่าว่า filetype : แล้วตามด้วยนามสกุลของไฟล์ที่เราต้องการค้นหา




เขียนโดย เกียรติศักดิ์คับ *-* ที่ 10:58 หลังเที่ยง 0 ความคิดเห็น
เทคนิคในการนำเสนอ powerpoint ฉบับภาษาอังกฤษ
เทคนิคในการนำเสนอ powerpoint ฉบับภาษาอังกฤษ พร้อมแปล

Why are technical presentations. ทำไมต้องมีเทคนิคในการนำเสนอ


It is the heart to sell an idea to an audience. เพราะเป็นการขายความคิดให้แก่ผู้ฟัง

Reduce the difference between talking to the audience. ลดความแตกต่างระหว่างผู้พูดกับผู้ฟัง

Can eliminate controversy from the audience. สามารถขจัดข้อโต้แย้งจากผู้ฟัง

Help in the decision of the hearing time limit. เป็นการช่วยการตัดสินใจของผู้ฟังในเวลาที่จำกัด
5 presentation skills in preparation. 5 ทักษะในการเตรียมตัวนำเสนอ
(MEETING ARRANGEMENT) การจัดเตรียมการประชุม

(OBJECTIVE SETTING) การกำหนดเป้าหมายในการนำเสนอ

(AGENDA SETTING) การจัดระบบข้อความเพื่อการนำเสนอ หรือโครงเรื่อง

(AUDIENCE ANALYSIS) การวิเคราะห์ผู้ฟัง

(HAND OUT & VISUAL AIDS PREPARATION) การจัดเตรียมเอกสาร และสื่อ To assist in presentation skills including the use of defined media suitable for audiences to tune vision includes the words and personality. เพื่อช่วยในการนำเสนอรวมถึงการใช้ทักษะในการสื่อความหมายให้เหมาะสมกับผู้ฟังประกอบด้วยน้ำเสียง สายตา การใช้คำพูด และบุคลิกภาพ

ให้นักศึกษาค้นหาเรื่อง เทคนิคในการนำเสนออย่างมีประสิทธิภาพด้วย powerpoint ฉบับภาษาอังกฤษ พร้อมแปล แต่ละบรรทัด

http://www.uploadd.com/download.aspx?pku=4601A32A94Q9TK[5QF9MXSQNOF15GR
8. ตัวอย่างแบบประเมินที่ใช้ในงานวิจัย
แบบประเมินการวิจัย(รายบุคคล)
ประจำปีการศึกษา ………………..ตรวจครั้งที่ ……………………...วันที่………………………………… ชื่อผู้วิจัย………..…ประจำหมวด………..…ชื่อเรื่อง………………..……………………………….……… ………………………………………………………………………………………………….…………….
หัวข้อ-เนื้อหาเกณฑ์การประเมิน หมายเหตุ ชัดเจนดีมาก (5)ชัดเจนดี (4)ปานกลาง พอใช้ได้(3)แกัไข-ปรับปรุงบางส่วน (2)แก้ไขปรับปรุงทั้งหมด (1)
1.ความสำคัญของปัญหาควรเขียนให้ชัดเจน/ได้ใจความ/ครอบคลุมประเด็นเนื้อหาและตรงตามชื่อเรื่อง
2.วัตถุประสงค์ เขียนกระชับได้ใจความและมองเห็นชัดเจน
3.สมมติฐานการวิจัย เขียนได้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
4.ขอบเขต /ข้อตกลงเบื้องต้น หรือคำจำกัดความ เขียนอธิบายได้ตรงตามหัวข้อที่ทำการวิจัย
5.ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ เขียนได้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
บทที่21.เอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เช่นการอ้างอิงทฤษฎีต่าง ๆ ตรงตามชื่อเรื่องที่ทำวิจัย (ไม่มีก็ได้)
2.งานวิจัยที่นำมาอ้างอิง เนื้อต้องให้ตรงกับหัวข้อที่ทำวิจัย (ใช้อ้างอิง 3 เล่ม)
บทที่ 3 วิธีการดำเนินการวิจัย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ศึกษา ชัดเจนและเหมาะสม เครื่องมือที่ใช้ในการทำวิจัย ต้องชัดเจน เช่นจะใช้แบบสอบถาม /ประเมิน แบบจดบันทึกการสังเกตุ ฯลฯ วิธีการดำเนินการเก็บข้อมูล ต้องมีขั้นตอนในการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ชัดเจน โดยเขียนอธิบายถึงวิธีการทำด้วย เช่นการแบ่งกลุ่ม มีกี่กลุ่มๆ ละ กี่คน เป็นต้น สถิติที่ใช้ในการทำวิจัย ให้ระบุว่าใช้สถิติอะไรในการอภิปรายผล แนบเอกสารการสอนเฉพาะหน่วยที่ใช้ในการทำวิจัยเท่านั้น เทคนิคและวิธีการที่ใช้วิจัย
บทที่ 4ผลการวิจัย(การอภิปรายผลจากตาราง ต้องมีความละเอียดชัดเจน และอธิบายได้ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้) การอภิปรายผล ชัดเจน และเข้าใจ
บทที่ 5สรุปและเสนอแนะ (สรุปผลของการวิจัยทั้งหมด พร้อมทั้งมีข้อเสนอแนะ ในการทำวิจัยครั้งต่อไป) อื่น ๆ 1.บทคัดย่อ ต้องเขียนโดยสรุปจากผลของการวิจัย ให้ได้ใจความชัดเจน
2.คำนำ 3.สารบัญ 4.บรรณานุกรม (ต้องมีรายชื่อหนังสืออ้างอิงในการทำวิจัย)
5.ภาคผนวก(การนำเอาเอกสารที่ใช้ประกอบการวิจัยแนบด้วย เช่น แบบสอบถาม/แบบประเมินต่างๆ/ ข้อมูลprintout เป็นต้น ข้อคิดเห็นอื่น ……………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น